ประมวลภาพกิจกรรม MINI SUMMER CAMP

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ (อังกฤษ: Doraemon the movies) เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวฉบับพิเศษ สร้างโดยบริษัทผลิตภาพยนตร์โตโฮ เพื่อจัดฉายในโรงภาพยนตร์ปีละ 1 ตอนในช่วงเดือนมีนาคมเป็นประจำทุกปี ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะทั้งนี้ในปีพ.ศ. 2548ยังมีการฉลองครบรอบ 25 ปีของการฉายโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์อีกด้วย และในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2549 ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการฉาย โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะฉบับสร้างใหม่ โดยใช้ทีมนักพากย์ชุดใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นชุดที่พากย์เสียงให้กับ โดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวีสร้างใหม่ ที่กำลังออกอากาศทางโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้นยังมีการดัดแปลงผลิตออกเป็นฉบับหนังสือการ์ตูนด้วย ปัจจุบันมีการสร้างมาแล้วทั้งหมด 25 ตอน และมีการนำตอนเก่ามาสร้างใหม่ตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 อีก 2 ตอน

ประวัติการฉายในประเทศไทย

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์นี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศไทย ตอนแรกคือ ไดโนเสาร์ของโนบิตะ (Nobita's Dinosaur) นำเข้ามาฉายโดยไชโยภาพยนตร์ เริ่มรอบปฐมทัศน์ 2 โรงด้วยกันคือ โรงภาพยนตร์เมโทร และสามย่าน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2525 หรือหลังจากประเทศญี่ปุ่น 2 ปี ทางไชโยภาพยนตร์ใช้ชื่อตอนว่า "โดเรม่อนผจญไดโนเสา" ตามชื่อเรียกโดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูนและการสะกดคำในสมัยนั้น หลังจากเข้าฉายประมาณ 1 เดือน สามารถทำรายได้ประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ไม่น้อย เมื่อเทียบกับสมัยปัจจุบัน

ต่อมาทางไชโยภาพยนตร์นำตอนที่สองของฉบับภาพยนตร์มาฉายคือ โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ โดยเข้าฉายหลังจากตอนแรกออกจากโรงภาพยนตร์ไปได้เพียงสัปดาห์เดียว ตอนนี้เข้าฉายในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2525 โดยตั้งชื่อตอนว่า "โดเรม่อนบุกพิภพอวกาศ" มีการเพิ่มโรงขึ้นอีก 1 โรงคือโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย แม้จะเข้าฉายในช่วงเวลาปิดเทอม และมีการเพิ่มโรง แต่รายได้กับน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เหตุเพราะในช่วงเวลานั้น ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ได้เริ่มออกอากาศโดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวีแล้ว ทำให้ประชาชนไม่สนใจในการเข้าชมในโรงภาพยนตร์มากเท่าที่ควร (นิตยสาร a day, 2545: 70)

หลังจากนั้นโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ก็ไม่มีผู้จัดฉายในประเทศไทยอีกเลย แต่สามารถหาชมได้ในรูปแบบวิดีโอเทป หรือวีซีดีแทน แต่ในปีพ.ศ. 2544 ทางวิจิตอลฟิล์มได้จัดฉายโดราเอมอนตอนตำนานสุริยกษัตริย์ ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโดราเอมอนอายุครบ 30 ปี ถือได้ว่าเป็นการกลับมาของโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ที่จัดฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 หรือเป็นเวลาเกือบ 20 ปีทีเดียว

ในอีก 2 ปีให้หลังได้มีการเปลี่ยนผู้จัดฉายเป็นบริษัทดับบลิว พี เอ็ม ฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จัดฉายโดราเอมอนตอนโนบิตะและอัศวินแดนวิหค เข้าฉายในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2546 หลังจากนั้นก็ได้จัดฉายเป็นประจำเรื่อยมา

รายชื่อภาค
หมายเหตุ: ปีค.ศ. ที่ต่อท้ายชื่อตอน นับตามการออกฉายในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่น

ไดโนเสาร์ของโนบิตะ (1980)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の恐竜; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Dinosaur
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ พีสุเกะ ไดโนเสาร์หลงยุค ซึ่งโนบิตะ พบหินไดโนเสาร์โดยบังเอิญ จึงใช้ผ้าคลุมกาลเวลา ย้อนเวลากลับไปในอดีต แล้วจึงฟักออกมาเป็นตัว แต่เมื่อเลี้ยงแล้ว พีสุเกะตัวใหญ่ขึ้นจนไม่สามารถเลี้ยงได้ไหว จึงพากลับไปยังอดีต แต่ทว่า ไทม์แมชชีน ที่พากลับไปอดีตกลับพังเสีย จึงต้องเดินทางผจญภัยในโลกดึกดำบรรพ์ ต่อสู้กับเหล่าวายร้าย นักล่าไดโนเสาร์ จากอนาคต ที่จ้องจะจับพีสุเกะไปเป็นสัตว์เลี้ยง
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1980 เป็นตอนที่ 1 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) โดยใช้ชื่อตอนว่า " โดเรม่อนผจญไดโนเสา" (สะกดตามต้นฉบับ)

โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ (1981)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の宇宙開拓史 ; ชื่อภาษาอังกฤษ: The Record of Nobita, Spaceblazer
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ โรพอล เด็กชายผู้ท่องไปในอวกาศ วันหนึ่งเครื่องเกิดเสียระหว่างที่เดินทางกลับดาวบ้านเกิด เมื่อลองวาร์ป แล้ว ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างมิติ ที่เชื่อมโยงกับใต้เสื่อในห้องของโนบิตะ เมื่อหมดหนทางกลับบ้าน กลางดึกคืนนั้นเอง จามี่ สัตว์เลี้ยงของโรพอล ได้เปิดประตูข้ามมิติมาที่โลก จนเจอกับโนบิตะและโดราเอมอน โดราเอมอนจึงช่วยพากลับบ้าน แต่ทว่าบนดาวบ้านเกิดของโรพอลนั้น กลับมีเหล่าร้าย ผู้หมายยึดครองแร่ธาตุอันเป็นเหมือนชีวิตของดาวดวงนี้ไป โนบิตะและเพื่อนๆ จึงต้องหาหนทาง ช่วยดาวดวงนี้ให้ได้
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1981 เป็นตอนที่ 2 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) โดยใช้ชื่อตอนว่า " โดเรม่อนบุกพิภพอวกาศ"

บุกดินแดนมหัศจรรย์ (1982)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の大魔境; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Haunts of Evil
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน บุกดินแดนมหัศจรรย์ เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เปโกะ ลูกสุนักจรจัดหลงทาง ที่โนบิตะบังเอิญพบเข้าและเก็บเอามาเลี้ยง เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ทำให้ทุกๆ คนอยากออกผจญภัย โดราเอมอนจึงพาทุกคนไปยังป่าลึกลับแทบแอฟริกา ป่า Heavy Smoker แต่ระหว่างทาง กลับเจออุปสรรคมากมาย ทำให้ไจแอนท์หวาดกลัว จนไม่อยากเดินทางอีกแล้ว แต่ทว่าในคืนนั้น กลับมีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ มาบอกไจแอนท์ว่า มีสมบัติรออยู่ ทำให้ทุกคนเดินทางไปกันอีกครั้ง แต่เมื่อถึงที่หมาย กลับไม่เป็นเช่นอย่างที่ฝัน เปโกะกลับพูดได้และบอกว่าตัวเองเป็นรัชทายาท เจ้าชายตุงตัง ทายาทองค์ที่ 108 แห่งราชวงศ์บารองโก และขอความช่วยเหลือโดราเอมอนให้ช่วยปราบ ดาวัลด้า เพื่อทวงบัลลังก์คืน พร้อมกับปริศนาคำทำนาย ผู้กล้าทั้ง 10 คน
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 1982 เป็นตอนที่ 3 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ตะลุยปราสาทใต้สมุทร (1983)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の海底鬼岩城; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Castle of the Undersea Devil
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยปราสาทใต้สมุทร เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การผจัญภัยใต้ทะเล เริ่มจากไจแอนท์และซูเนโอะ ได้ข่าวเรื่องการค้นพบทองในเรือปีศาจ จึงขอร้องโดราเอมอนไปเที่ยวใต้ทะเล โดราเอมอนจึงใช้ รถบัคกี้ (บัคกี้จัง) พาทัวร์ใต้ทะเล แต่ที่ใต้ทะเลนั้นเอง พวกโดราเอมอน ได้พบกับบุคคลลึกลับใต้ทะเล เอล ได้เล่าถึงอวสานของโลก เนื่องจากทวีปแอตแลนติส ในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ด้วยการนำจาก โพเซดอน คอมพิวเตอร์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้ทำลายโลก พวกโดราเอมอน จึงต้องช่วยกันหยุดยั้งเอาไว้ให้ได้
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1983 เป็นตอนที่ 4 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ตะลุยแดนเวทมนตร์(1984)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の魔界大冒険; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Great Adventure into the Underworld
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยแดนเวทมนตร์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ โนบิตะและโดราเอมอนที่ไปทิ้งพรมเก่าๆที่กองขยะ และทันใดนั้นรูปปั้นประหลาดก็ตกใส่โนบิตะและหน้าตาเหมือนโดราเอมอน โดราเอมอนจึงนำไปเก็บในสวนหลังบ้าน แต่ด้วยความต้องการของโนบิตะที่อยากให้โลกทั่งโลกเป็นโลกแห่งเวทมนตร์ และต่อมาโนบิตะกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ แต่ก็มีรูปปั้นเหมือนโนบิตะตกลงมา และนำไปไว้ในสวนหลังบ้าน ตกดึกโนบิตะได้ยินเสียงคนร้องไห้จึงลงไปข้างล่างและพบรูปปั้นทั้งสอนยืนอยู่ในบ้าน แม่และพ่อของโนบิตะให้นำรูปปั้นนี้ไว้ข้างนอก เผื่อที่โนบิตะจะเปลื่ยนแปลงไปบ้างโดราเอมอนจึงใช้ของวิเศษของโดราเอมอน รุ่งเช้าพวกเขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของโลก มีพรมลอยเต็มไปหมด แต่โนบิตะก็ยังโง่อยู่ดี ทั้งสองจึงจะจะให้โลกกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ก็เปลื่ยนใจ และไปหัดขี่ไม้กวาดกับชิซุกะ แล้วเจอ ไจแอนท์ และซึเนะโอะ ประสบอุบัติเหตุ บังเอิญเจอบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาได้พบกับ ดร.มันเงะสึ เจ้าของทฤษฎีโลกก้าวสู่ยุคปีศาจ และได้พบกับ มิโยโกะ บุตรสาวของ ดร.มันเงะสึ แม่ของโนบิตะได้ทำลายของวิเศษของโดราเอมอนจึงทำให้กลับโลกเดิมไม่ได้ และโนบิตะ และโดราเอมอนจึงทะเลาะกัน ต่อมาในขณะ ดร.มันเงะสึ และมิโยโกะกำลังแปลคัมภีร์อยู่นั้น ก็ถูกปีศาจลอบโจมตี และทำให้มิโยโกะกลายร่างเป็นแมว และจะเป็นมนุษย์อีกครั้งเมื่อได้รับแสงจันทร์ และมีวิธีการอย่างเดียว คือไปโลกปีศาจ และกำจัดเจ้าแห่งโลกปีศาจ แต่ชิซุกะ ไจแอนท์ และซึเนโอะ ไม่กล้าไป แต่ในที่สุดทั้งสามก็เปลี่ยนใจไปยังโลกแห่งปีศาจเพื่อกำจัดปีศาจ และไม่ให้โลกนี้กลายเป็นโลกขนาน
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1984 เป็นตอนที่ 5 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

สงครามอวกาศ (1985)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の宇宙小戦争; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Little Galaxy Wars
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน สงครามอวกาศ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "พาพิ" ประธานาธิบดีวัย 10 ขวบของดาวพิริก้า ที่ถูกจอมเผด็จการ "นายพลกิลมอร์"ล้มล้างอำนาจและได้หลบหนีมายังโลกขณะที่นายพลกิลมอร์เองก็ได้ส่งผู้บัญชาการ "โดรากอลรุ"แห่ง PCIA มาตามล่าพาพิเช่นกัน พาพิได้ลี้ภัยมายังบ้านของโนบิตะและโดราเอมอน จากการตามล่ากองกำลังของ PCIA ทำให้โดราเอมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนได้วางแผนกันอย่างลับๆ เพื่อช่วยเหลือพาพิให้กลับไปยังดาวพิริก้าและล้มล้างเผด็จการคืนอำนาจให้กลับพาพิ ณ ฐานทัพใต้ดินที่โดราเอมอนสร้างขึ้น แต่ไม่วายถูกพวก PCIA หาฐานลับใต้ดินพบและชิซุกะก็ถูกจับตัวไป เมื่อพาพิรู้ว่าชิซุกะถูกจับตัวก็ได้แอบหนีพวกโนบิตะมามอบตัวกับพวก PCIA เพื่อแลกกับชีวิตของชิซุกะ โนบิตะ โดราเอมอน ชิซุกะ ไจแอนท์ และซึเนะโอะจึงต้องเดินทางไปยังดาวพิริก้าเพื่อช่วยเหลือพาพิก่อนที่จะถูกประหารและนำอำนาจกลับมาสู่พาพิอีกครั้ง
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1985 เป็นตอนที่ 6 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก (1986)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と鉄人兵団; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Platoon of Iron Men
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ โนบิตะที่ได้พบส่วนประกอบของหุ่นยนต์ยักษ์ในขั้วโลกเหนือพร้อมกับลูกบอลประหลาดที่ส่งเสียงร้องตลอดเวลา (ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นสมองของหุ่นยนต์ยักษืดังกล่าว) จึงชวนโดราเอมอนมาประกอบหุ่นยนต์ยักษ์นี้โดยใช้ของวิเศษสร้างโลกกระจกออกมาและได้ตั้งชื่อหุ่นยนต์นี้ว่า "ซานตาครอส" แต่ภายหลังพวกเขาก็รู้ว่าหุ่นยนต์นี้ได้นำมาใช้ในสงครามเนื่องจากมีเลเซอร์ที่สามารถถล่มตึกสูงใหญ่ภายในพริบตาจึงได้พยายามปิดเรื่องนี้เป็นความลับและขังหุ่นยนต์ยักษ์ไว้ในโลกกระจกตลอดไปและให้สัญญากันว่าจะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด ต่อมาโนบิตะได้มาพบกับ "ริล" หญิงปริศนาที่ปรากฏตัวพร้อมกับการถามหาเบาะแสเกี่ยวกับหุ่นยนต์ยักษ์ซานตาครอสและบีบคั้นให้โนบิตะบอกที่ซ่อนของหุนยนต์ยักษ์พร้อมกับขอของวิเศษที่เป็นทางเข้าออกโลกกระจกอีกด้วยซึ่งต่อมาโดราเอมอนและโนบิตะได้สืบหาเรื่องราวของริล จนรู้ว่าเธอได้แอบสร้างฐานทัพสำหรับนำร่องเหล่าหุ่นยนต์จำนวนมหาศาลจากเมกาโทเปียเพื่อหมายจะยึดครองโลกไว้ในโลกแห่งกระจก ทำให้โดราเอมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนต้องเตรียมกำลังเพื่อต่อสู้กับหุ่นยนต์จำนวนเป็นล้านๆ
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1986 เป็นตอนที่ 7 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

เผชิญอัศวินไดโนเสาร์ (1987)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と竜の騎士; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Knights of Dinosaurs
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน เผชิญอัศวินไดโนเสาร์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะที่พยายามจะซ่อนผลสอบ 0 คะแนนโดยไม่ให้แม่รู้ ด้วยการพึ่งของวิเศษ "ท่อหาโพรงใต้ดิน" แต่บังเอิญที่ท่อนั้นเชื่อมต่อกับโพรงที่มีขนาดใหญ่มากทำให้โนบิตะวางแผนที่จะสร้างสถานที่ส่วนตัวโดยที่ไม่ให้ผู้ใหญ่มากวนใจโดยที่ชวนชิซุกะ ไจแอนท์ ซึเนะโอะ มาร่วมด้วยแต่ความสนุกนั้นอยู่ได้ไม่นานเมื่อท่อหาโพรงใต้ดินถูกทำลายเนื่องจากวางทิ้งเกะกะระหว่างทางจึงโดนรถทับทำให้พวกโนบิตะไม่สามารถไปยังโพรงนั้นได้อีกแต่บังเอิญที่ซึเนะโอะไม่สามารถขึ้นจากโพรงได้ทันเวลาทำให้ต้องติดอยู่ในโพรงตลอดไป เดือดร้อนให้โดราเอมอนและเพื่อนๆต้องช่วยกันออกตามหา เมื่อพวกเขาสามารถหาโพรงใต้ดินเจอก็เจอเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไดโนเสาร์ที่น่าจะสูญพันธ์ไปเมื่อหลายล้านปีกลับมาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้และพวกเขาก็ยังได้พบเจอกับอัศวินไดโนเสาร์ที่มีเทคโลยีและอารยธรรมที่เจริญแล้ว พวกเขาจะทำเช่นไรและจะสามารถตามตัวซึเนะโอะเจอหรือไม่
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1987 เป็นตอนที่ 8 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ไซอิ๋ว (1988)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太のパラレル西遊記; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Version of Journey to the West
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ไซอิ๋ว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะที่พยายามจะพิสูจน์ว่าหงอคงมีอยู่จริง จึงได้นั่งไทม์แมชชีนไปยังประเทศจีนสมัยที่พระถัมซัมจั่งไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป และบังเอิญที่โนบิตะได้พบกับหงอคงขณะที่หงอคงกำลังขี่เมฆบินผ่านไป เมื่อเห็นเช่นนั้นโนบิตะจึงชวนให้พวกเพื่อนๆมาเห็นเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่เรื่องมันไม่ง่ายเช่นนั้นเมื่อไทม์แมนชีนได้ลบข้อมูลการเดินทางเมื่อครั้งก่อนออกหมดแล้ว เดือดร้อนโดราเอมอนให้ช่วยสร้างสถานการณ์ว่ามีหงอคงอยู่จริงด้วยเครื่อง "ฮีโร่แมนชีน" ซึ่งเป็นเกมส์ชนิดหนึ่งในโลกอนาคตโดยให้โนบิตะแสดงเป็นหงอคงเพื่อหลอกเพื่อนๆแต่ไม่วายถูกจับได้ ขณะที่เวลานั้นพวกปีศาจในฮี่โรแมนชีนได้แอบหนีออกมาจากเครื่องโดยที่โดราเอมอนเองก็ไม่รู้ตัว เมื่อกลับมายังโลกปัจจุบันพวกโนบิตะก็ต้องรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของพ่อแม่ ครู และเพื่อนอีกหลายๆคนจนในที่สุดก็รู้ว่าพวกเขาได้กลายเป็นปีศาจไปเสียแล้ว ทางเดียวที่จะสามารถทำให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมคือ การไปกำจัดปีศาจในโลกอดีตกลับเข้าเครื่องฮี่โร่แมนชีนให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกปีศาจจะลอบจับกินพระถัมซัมจั๋ง
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1988 เป็นตอนที่ 9 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์
เกร็ด : ภาพยนตร์ชุดนี้ไม่ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูน จึงสามารถหาชมได้ฉพาะในรูปแบบอะนิเมะเท่านั้น

กำเนิดประเทศญี่ปุ่น (1989)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の日本誕生; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita at the Birth of Japan
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน กำเนิดประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะที่วางแผนจะหนีออกจากบ้านเนื่องจากน้อยใจแม่ที่ดุด่าว่าเขาแต่ไม่ว่าจะหนีไปที่ใดมักจะมีอุปสรรคอยู่เสมอขณะที่ชิซุกะ ไจแอนท์ ซึเนะโอะ หรือแม้แต่โดราเอมอนก็คิดที่หนีออกจากบ้านทั้งหมดจึงได้คิดที่จะนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตกลับไปสมัยที่ญี่ปุ่นไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่และสร้างบ้านที่นั้นโดยเลียนแบบชีวิตของมนุษย์ยุคโบราณ ขณะที่มนุษย์โบราณ(ตัวจริง)ได้หลงเข้ามาในมิติเวลา และหลุดจากมิติมาโผล่ที่ภูเขาหลังโรงเรียนและหนีเข้ามาอาศัยในบ้านโนบิตะ เมื่อพวกโนบิตะพบเจอจึงได้ตรวจสอบประวัติเขา และพบว่าเขาเป็นมนุษย์ยุคโบราณที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่และเมื่อสอบถามประวัติเขาก็รู้ว่าเขามีชื่อว่า "คุคุรู" ลูกของหัวหน้าเผ่าแสงสว่าง และพวกชนเผ่าก็ได้ถูกเผ่าแห่งความมืด โดยมี "กิกะซอมบี้" ผู้เป็นหัวหน้า เข้ารุกรานและจับตัวไป พวกโดราเอมอนจึงรีบเดินทางไปช่วยชนเผ่าแสงสว่างให้รอดพ้นจากภัยอันตรายในครั้งนี้
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1989 เป็นตอนที่ 10 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ตะลุยดาวต่างมิติ (1990)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太とアニマル惑星; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Animal Planet
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยดาวต่างมิติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะและเหล่าผองเพื่อนที่ได้หลงเข้าไปในหมอกสีชมพู และหลุดออกมายังดาวเคลเฮนอาณาจักรของเหล่าสิงสาราสัตว์ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากกว่าโลกที่ซึ่งสัตว์ทุกตัวใช้ชีวิตและพูดได้เหมือนมนุษย์และมีสภาพแวดล้อมเหมือนกับโลกแทบทุกอย่าง แต่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติที่ดีกว่าโลกเป็นอย่างมาก พวกโนบิตะได้มาพบกับ "ชิปโป" สุนัขน้อยที่ชอบเล่นซนและต้องการไขปริศนาของป่าต้องห้ามซึ่งตั้งอยู่อีกฟากของเมืองแต่เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อพวก "นิบุเงะ" ปีศาจจากดวงจันทร์ตามตำนานของชาวดาวเคลเฮนได้บุกมาทำลายดวงดาวของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับผู้มาเยือนได้ โดราเอมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนจึงต้องหาทางช่วยเหลือและต่อกรกับพวกนิบุเงะก่อนที่พวกชาวดาวเคลเฮนจะถูกขับไล่ออกจากดาวดวงนี้ไป
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1990 เป็นตอนที่ 11 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

แดนอาหรับราตรี (1991)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太のドラビアンナイト; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita in Dorabian Nights
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน แดนอาหรับราตรี เป็นเรื่องราวของการผจญภัยครั้งใหม่ที่เริ่มขึ้นเมื่อโนบิตะขโมยรองเท้าวิเศษซึ่งสามารถสร้างเข้าไปยังโลกบนหนังสือนิทานได้จากโดราเอมอน เป็นรองเท้าวิเศษที่ทุกคนสามารถเข้าไปสัมผัสโลกนิทานได้ด้วยตนเอง แต่จะไม่สามารถจับต้องหรือเปลี่ยนแปลงใดๆไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะผิดแปลกไปจากเดิม จนทำให้ชิซุกะพลัดหลงอยู่ในหนังสือนิทานอาหรับราตรีและซ้ำร้ายหนังสือนิทานนั้นก็ถูกแม่ของโนบิตะเผาทิ้งไป ทำให้โดราเอมอนกับเพื่อนๆ ต้องออกท่องอาหรับราตรีเพื่อช่วยเหลือชิซุกะ
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1991 เป็นตอนที่ 12 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

บุกอาณาจักรเมฆ (1992)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と雲の王国; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Kingdom of Clouds
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน บุกอาณาจักรเมฆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโดราเอมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อน ที่ต้องการจะสร้างสรวงสวรรค์ของตัวเองบนท้องฟ้าโดยใช้ของวิเศษ "ก๊าซเมฆแข็งตัว" ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับเด็กชาวใต้คนหนึ่งขณะที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนหลังเต่าดึกดำบรรพ์ ณ ภูเขาหิมะ พวกโนบิตะจึงพาตัวเขามารักษาและต้องการทราบสาเหตุว่าเหตุใดเขาจึงได้ไปอยู่บนภูเขาหิมะ แต่ทว่าในวันต่อมาเขาก็ได้หายตัวไป พวกโนบิตะจึงได้สืบหาหาตัวเขาและบังเอิญเข้ามาในอาณาจักรเมฆ(เพราะความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาณาจักรที่ตนเองสร้างขึ้น) ณ ที่แห่งนั้นพวกเขาก็ได้พบกับพันธุ์ไม้และสัตว์ต่างๆที่สูญพันธ์ไปจากโลกแล้วพร้อมกับกลุ่มมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่อ้างตัวเป็นมิตรและคอยต้อนรับพวกเขา โดยหารู้ไม่ว่าพวกเขาได้วางแผนการที่จะชำระล้างโลกดั่งเช่นปรากฏการณ์โนอาในคัมภีร์ไบเบิล
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1992 เป็นตอนที่ 13 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ฝ่าแดนเขาวงกต (1993)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太とブリキの迷宮; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Tin-Plate Labyrinth
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ฝ่าดนเขาวงกต เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโนบิตะได้รับกระเป๋าประหลาดที่สามารถกลายสภาพเป็นประตูที่พาไปยังโรงแรงกลางทะเลที่มีชื่อว่า "บูริคิน" โนบิตะและโดราเอมอนได้รับการต้อนรับจากผู้จัดการโรงแรมที่เป็นหุ่นยนต์ได้เป็นอย่างดีในฐานะที่เป็นแขกวีไอพีต่อมาโนบิตะและโดราเอมอนได้ไปเล่นสกีที่ภูเขาหิมะใจกลางเกาะแต่ทว่าโนบิตะได้ประสบอุบัติเหตุผลัดหลงกับโดราเอมอนแต่ก็สามารถกลับโรงแรมได้อย่างปลอดภัยขณะที่โดราเอมอนได้ถูกพวกหุ่นยนต์ทหารขนาดเล็กจับตัวไประหว่างตามหาโนบิตะและถูกนำตัวไปยังดาวฉาโมฉะ ทำให้โนบิตะและเพื่อนๆต้องออกเดินทางไปยังดาวฉาโมฉะโดยอาศัยเครื่องยนต์บินของ "ซาบิโอะ" เด็กชายที่หนีจากการตามล่าของ "โกอิสสโตเลอร์" หุ่นยนต์กบฏที่ตั้งตัวเองเป็นราชา แล้วพวกโนบิตะจะสามารถช่วยเหลือโดราเอมอนโดยปราศจากของวิเศษได้หรือไม่?
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1993 เป็นตอนที่ 14 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

สามอัศวินในจินตนาการ (1994)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と夢幻三剣士; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Fantastic Three Musketeers
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน สามอัศวินในจินตนาการ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะที่ต้องการสร้างโลกแห่งความฝันซึ่งมีตัวเองเป็นฮีโร่จึงขอร้องโดราเอมอนให้นำ "เครื่องสร้างความฝัน" ออกมา แต่ก็ไม่มีเรื่องใดที่ถูกใจโนบิตะเลย วันหนึ่งโนบิตะก็ได้พบกับหญิงชราท่าทางแปลกๆ และให้โนบิตะกินเชอรี่วิเศษที่ทำให้มีความสามารถเหนือคนธรรมดาทั่วไป แต่ต้องอยู่ในโลกของอัศวินมังกรเท่านั้น ซึ่งต่อมาโนบิตะก็ได้ขอร้องโดราเอมอนให้ซื้อเครื่องสร้างความฝันชุดอัศวินมังกรซึ่งเป็นสินค้าออกใหม่ให้ และพา ชิซุกะ ไจแอนท์ ซุเนะโอะมาร่วมในการผจญภัยครั้งนี้ด้วยโดยที่หน้าที่หลักของพวกเขาคือการกำจัดเจ้าแห่งปีศาจ พวกเขาได้พาลพบกับอุปสรรคต่างๆ เช่น ต้นโอ๊กยักษ์ที่ซ่อนดาบวิเศษ มังกรที่สามารถทำให้ผู้อื่นกลายเป็นหินได้ กองทัพปีศาจจำนวนมาก แล้วพวกเขาจะฝ่าฟันไปได้หรือไม่?
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1994 เป็นตอนที่ 15 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

บันทึกการสร้างโลก (1995)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の創世日記; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Genesis Diary
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน บันทึกการสร้างโลก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะและเพื่อนๆ ที่ได้การบ้านปิดเทอมเป็นรายงาน ซึ่งก็เป็นปัญหาเดิมๆ และเพื่อนแต่ละคนก็มีหัวข้อทั้งนั้น โนบิตะจึงขอร้องโดราเอมอน แล้วโดราเอมอนก็เอา "ชุดสร้างโลก" ออกมาให้ เมื่อสร้างโลกจนสิ่งมีชีวิตเริ่มพัฒนาตนเองจนเหมือนโลกของจริงพวกโนบิตะจึงเริ่มตรวจตราสภาพของโลก (ในโลกที่สร้างเอง) ขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาตรงที่บรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลื้อยคลานยังอาศัยอยู่ในทะเล พวกโดราเอมอนจึงได้ใช้ "รังสีเพิ่มลดวิวัฒนาการ" ช่วยให้วิวัฒนาการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาได้พัฒนาสัตว์จำพวกแมลงโดยไม่รู้ตัว ทำให้พวกแมลงวิวัฒนาการจนมีอารยธรรมคล้ายกับมนุษย์และเข้ามาป่วนเปี้ยนในประวัติศาสตร์ของเหล่ามนุษย์ โดราเอมอนและเหล่าผองเพื่อนจึงต้องมาแก้ไขกับประวัติศาสตร์อันผิดพลาดในครั้งนี้
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1995 เป็นตอนที่ 16 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ผจญภัยสายกาแล็คซี่ (1996)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と銀河超特急; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Galactic Express
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ผจญภัยสายกาแล็คซี่ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโดราเอมอนได้ซื้อตั๋วท่องเที่ยวกาแล็กซี่ทางช้างเผือกจากโลกอนาคตโดยมีพาหนะเป็นรถไฟจักรไอน้ำมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สุดขอบจักรวาล แต่ทว่าในระหว่างการเดินทางรถไฟได้ถูกโจรสลัดอวกาศปล้นแต่ก็สามารถขับไล่ออกไปได้แลกกับความเสียหายของรถไฟและบังเอิญไปลงจอดที่สวนสนุกอวกาศแห่งอนาคตที่มีชื่อว่า "ดีนมาซือแลนด์" ที่นั้นมีเครื่องเล่นมากมายหลากหลายชนิดและมีหมู่ดาวบริวารต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เหล่าลูกค้าสามารถรับบทเป็นฮี่โร่ได้ เช่น ดาวแห่งโลกตะวันตก ดาวนินจา ดาวเทพนิยาย ดาวไดโนเสาร์ เป็นต้น โดยแต่ละดวงดาวจะมีหุ่นยนต์คอยบริการซึ่งควบคุมโดยสวนสนุกใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลาง แต่ท่ามกลางความสนุกพวกเหล่าร้ายอวกาศนาม "กาฝากอวกาศ"ได้มาสิงสู่เจ้าหน้าที่สวนสนุกป่วนระบบคอมพิวเตอร์ทำให้เครือข่ายสวนสนุกวุ่นวายและควบคุมหุ่นยนต์ในแต่ละดวงดาวมาเป็นพวกโดยมีเป้าหมายที่จะยึดร่างกายของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด โดราเอมอนและเหล่าผองเพื่อนจึงต้องหาทางป้องกันและช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากจากการสิงสู่ของพวกเหล่าร้ายนี้
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1996 เป็นตอนที่ 17 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน (1997)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太のねじ巻き都市冒険記; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Adventure in Clockwork City
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโดราเอมอนได้ไปยังงานประมูลดวงดาวแห่งโลกอนาคตเพื่อหวังจะได้รางวัลใหญ่แต่กลับพลาดได้รางวัลที่ระลึกแทนซึ่งรางวัลจะเป็นกลุ่มดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดีสร้างความเจ็บใจให้กับโดราเอมอนมาก แต่โนบิตะกลับสนใจและหวังที่จะสร้างสถานที่ส่วนตัวทำให้ไปพบกับดาวที่มีความอุดมสมบูรณ์มีพืชพันธุ์และน้ำเหมือนกับโลกเพียงแต่ไม่มีสัตว์เท่านั้น โนบิตะจึงชวนเพื่อนๆ มาสร้างเมืองตุ๊กตาไขลานโดยให้พวกตุ๊กตาเป็นประชากรโดยอาศัย "ไขลานให้ชีวิต"จากโดราเอมอนให้ชีวิตแก่พวกตุ๊กตา ขณะที่บนโลกได้มีนักโทษแหกคุกฉายา "ไอ้เคราหมี" แอบเข้ามาบ้านโนบิตะและผ่านประตูไปไหนก็ได้ไปยังโลกไขลาน โดราเอมอนและเหล่าผองเพื่อนจึงต้องขับไล่โจรรายนี้ออกไปก่อนที่จะทำอะไรที่ส่งผลร้ายต่อเมืองตุ๊กตาไขลาน
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1997 เป็นตอนที่ 18 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ผจญภัยเกาะมหาสมบัติ (1998)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の南海大冒険; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's South Sea Adventure
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ผจญภัยเกาะมหาสมบัติเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะที่ต้องการออกผจญภัยตามล่าหาสมบัติในหมู่เกาะทะเลใต้โดยอาศัยเครื่องมือของโดราเอมอนที่มีชื่อว่า "แผนที่ค้นหาขุมทรัพย์" ค้นหาสมบัติจนพบโนบิตะจึงได้ช่วยเพื่อนๆเออกเดินทางโดยใช้เรือยนต์เป็นพาหนะ แต่ทว่าในระหว่างการเดินทางพวกโนบิตะได้หลงในมิติเวลาและหลุดออกมาโผล่ในทะเลสมันศตวรรษที่ 17 สมัยโจรสลัดยังเลือนอำนาจ เรือของพวกโนบิตะได้ชนกับเรือโจรสลัดจนเรือแตกทุกคนกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกพวกโจรสลัดช่วยไว้ยกเว้นโนบิตะทำให้พวกโดราเอมอนต่างเป็นกังวลและเป็นห่วง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากกระเป๋ามิติที่สี่ของโดราเอมอนได้ถูกน้ำทะเลพัดหายไป พวกโดราเอมอนจึงต้องขอความช่วยเหลือพวกโจรสลัดที่มีเป้าหมายไปยังเกาะสมบัติแห่งเดียวกันช่วยเหลือหาโนบิตะที่ลอยคอกลางทะเล
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1998 เป็นตอนที่ 19 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์


บันทึกท่องอวกาศ (1999)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の宇宙漂流記; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Adventure: Drifts in the Universe
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน บันทึกท่องอวกาศเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "ไรอัน" หน่วยอัศวินผู้กล้าของกองยานอวกาศอพยพที่3แห่งกลุ่มดาวเฟรนเยอร์มีหน้าที่ในการค้นหาดาวดวงใหม่ที่เขียวชะอุ่มและอุดมสมบูรณ์ที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้เพื่อทำการอพยพผู้คนของกองยานอวกาศอพยพมาอาศัยบนดาวดวงนั้น ซึ่งต่อมาไรอันก็ได้พบกับดวงดาวที่ต้องการนั้นก็คือโลก ขณะเดียวกันพวกโดราเอมอนก็ได้เล่นเกมอนาคตในรูปของเกมอวกาศโดยต้องเข้าไปเล่นในแคปซูลขนาดเล็กแต่บังเอิญโดราเอมอน โนบิตะ ชิซึกะ ได้เกมโอเวอร์ออกมาจากเกมก่อนปล่อยให้ไจแอนท์ ซึเนะโอะ เล่นเกมกันอยู่สองคนและบังเอิญได้ถูกไรอันนำตัวไป พวกโดราเอมอนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยซึเนะโอะกับไจแอนท์ขณะเดียวกันทางกองยานอวกาศอพยพก็ได้จัดกำลังทหารเพื่อเตรียมการบุกโลกภายใต้แกนนำของบุรษชุดดำที่ชื่อว่า "แองโกล มัวร์"
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1999 เป็นตอนที่ 20 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

ตำนานสุริยกษัตริย์ (2000)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の太陽王伝説; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Legend of the Sun King
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตำนานสุริยกษัตริย์ เป็นเรื่องราวอันบังเอิญของโดราเอมอนและโนบิตะที่ต้องการเอาของบางสิ่งบางอย่างจากอนาคต แต่เกิดพลาดท่าทำให้เครื่องขัดข้อง มันจึงย้อนเวลาไปยังดินแดน อาณาจักรมายานะ โนบิตะก็ได้พบกับ ทีโอ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก ในดินแดนแห่งนี้ เกิดปัญหาใหญ่ก็คือ เรดิน่า แม่มดชั่วร้ายที่เคยทำงานให้กับพระราชินี ก็ใช้เวทมนตร์สร้างให้เกิดปัญหาต่อมายานะ และพระราชินีก็ประชวรเพราะเวทมนตร์ของเรดิน่าเอง ทีโอจึงจำเป็นต้องเรียนรู้โลกความจริง ทำให้ทีโอรู้จักความเป็นเพื่อนของโนบิตะที่มอบให้แก่กัน
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2000 เป็น ตอนที่ 21 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 2002 ซึ่งนับเป็น โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ที่เข้าฉายในประเทศไทย ครั้งแรกในรอบ 20 ปี นับจากที่เคยนำตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ และตอน โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ เข้ามาฉายในปี ค.ศ. 1982

โนบิตะและอัศวินแดนวิหค (2001)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と翼の勇者たち; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Winged Braves
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอนโนบิตะและอัศวินแดนวิหค เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับซูเนโอะที่เอาวีดีโอเกี่ยวกับมนุษย์วิหคมาอวดให้เพื่อน ๆ ทุกคน ทำให้เพื่อนทุกคนตะลึง โนบิตะเองเห็นวีดีโอของซูเนโอะ ก็หันมาสนใจในการเป็นมนุษย์วิหค จึงทำเครื่องทดลองบินแต่ก็ไม่สำเร็จ ครั้งสุดท้ายก็บินได้เพราะโดราเอมอนพยุงเครื่องร่อนโดยใช้คอปเตอร์ไม้ไผ่ แต่แล้ว หลุมอากาศก็พาให้ มนุษย์นกตัวหนึ่งชื่อ กูซึเกะ ตกลงมาพร้อมกับเครื่องร่อนของเขา โนบิตะทำแผลจนเขาหายดี จึงหันมาซ่อมเครื่องร่อน เพื่อจะบินไปกลับยังโลก เบิร์ดเปีย ซึ่งเป็นโลกของนกอีกครั้ง แต่โชคร้ายซูเนโอะกับไจแอนท์ก็ติดกันไปด้วย ทำให้โดราเอมอนและโนบิตะตามไปยังโลกของนกแห่งนี้ นายพลต้องการปลุกฟินีเคียขึ้นมาเพื่อหวังที่จะทำลายโลกมนุษย์
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2001 เป็นตอนที่ 22 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่11 ตุลาคมปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2544)

อาณาจักรหุ่นยนต์ (2002)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太とロボット王国; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Robot Kingdom
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน อาณาจักรหุ่นยนต์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "โปโกะ" หุ่นยนต์ที่หนีจากการตามล่าของพวกสมาชิกโครงการล้างสมองหุ่นยนต์ภายใต้การนำของราชินี "จันนุ" และที่ปรึกษา "เดสตรอน" แต่ได้หลงเข้าไปในมิติเวลาและหลุดออกมายังห้องของโนบิตะพร้อมกับบรรดาหุ่นยนต์100ตัวจากศตวรรษที่22 พร้อมกับความเสียหายอย่างหนักจนโดราเอมอนเองก็ไม่สามารถรักษาหรือทำอะไรได้ หนทางเดียวที่สามารถช่วยเหลือเด็กคนนี้คือพาเปโกะไปรักษาบนดาวบ้านเกิดโดยใช้ไทม์แมนชีนรุ่นปรับปรุงใหม่สืบหาห้วงเวลาที่เปโกะเคยผ่าน การผจญภัยครั้งใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2002 เป็นตอนที่ 23 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กันยายน ปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) โดยใช้ชื่อตอนว่า " โนบิตะตะลุยอาณาจักรหุ่นยนต์"

มหัศจรรย์ดินแดนแห่งสายลม (2003)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太とふしぎ風使い; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita and the Mysterious Wind Masters
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน มหัศจรรย์ลูกพระพายเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "ฟูโกะ"ลูกพระพายที่ฟักตัวออกมาจากไข่และถูกโนบิตะนำมาเลี้ยงเอาไว้ลูกพระพายผู้ซึ่งถูก "อูรันด้า"หัวหน้าเผ่าสลาตันในอดีตตามล่าโดยอูรันด้าซึ่งอยู่ในสภาพวิญญาณ(เนื่องจากตายมาหลายพันปี)ได้เข้าสิงซึเนะโอะเพื่อทำการแทรกแซงและจับตัวฟูโกะโดยมีเป้าหมายที่จะคืนชีพปีศาจร้ายนาม "มาฟูก้า" ขึ้นมาเพื่อทำลายล้างโลกโดยฟูโกะเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปีศาจตัวนั้น พวกโนบิตะจึงได้ร่วมมือกับเผ่าสายลมช่วยเหลือโลกให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้และช่วยเหลือฟูโกะกลับมา
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 2003 เป็นตอนที่ 24 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) โดยใช้ชื่อตอนว่า "มหัศจรรย์ดินแดนแห่งสายลม"

โนบิตะ ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว (2004)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太のワンニャン時空伝; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Wannyan Space-Time Odyssey
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนบิตะและโดราเอมอนได้เก็บสุนัขจรจัดที่ชื่อ "อิจิ" และแมวจรจัดมาเลี้ยงเพื่อรอดพ้นจากสายตาของแม่ ทั้งสองจึงพาอิจิพร้อมกับสุนัขและแมวจรจัดอีกหลายสิบตัวไปยังยุคกว่า 300 ล้านปีก่อนพร้อมทั้งใช้ปืนเร่งรังสีวิวัฒนาการเพื่อให้สุนัขและแมวมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ จากนั้นจึงย้อนเวลามาสำรวจอีกครั้งแต่เกิดอุบัติเหตุห้วงมิติผกผันขึ้นทำให้มายุคหลังจากนั้นพันปีและพบว่าเมืองของสัตว์ทั้งสองนั้นมีวิวัฒนาการที่เหนือกว่ามนุษย์มากแต่การมาคราวนี้พวกเขากลับต้องช่วยเหลือเมืองๆนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ "เนโกจิร่า"แมวจอมโลภที่พยายามจะสร้างไทม์แมนชีนแล้วไปยังโลกมนุษย์เพื่อแก้แค้นให้กับบรรพบุรุษ
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2004 เป็นตอนที่ 25 ของ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) โดยใช้ชื่อตอนว่า "โนบิตะ ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว"

ไดโนเสาร์ของโนบิตะ เดอะมูฟวี่ (2006)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太の恐竜2006; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's Dinosaur 2006
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2006 เป็นการนำ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ ในปี ค.ศ. 1980 กลับมาสร้างใหม่ และเข้าฉายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) โดยใช้ชื่อตอนว่า "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ เดอะมูฟวี่"

ตะลุยแดนปีศาจ (2007)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: 映画 ドラえもん のび太の新魔界大冒険~7人の魔法使い~; ชื่อภาษาอังกฤษ: Nobita's New Great Adventure into the Underworld ~ The Seven Magicians~ หรือ Doraemon The Magic 2007
ภาพยนตร์ชุดนี้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2007 เป็นการนำโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน ตะลุยแดนปีศาจ ในปี ค.ศ. 1984 กลับมาสร้างใหม่ มีกำหนดฉายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2551

Nobita to Midori no Kyojinden (2008)
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: のび太と緑の巨人伝 ; ชื่อภาษาอังกฤษ: Doraemon the Future 2008
ภาพยนตร์ชุดนี้ ยังไม่มีชื่อภาษาไทยอย่างเป็นทางการ แต่มีกำหนดจะเข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 2008

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนพิเศษ

นอกจากโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ที่มีการฉายทุกปีแล้ว ยังมีภาพยนตร์การ์ตูนตอนพิเศษดังนี้

ตอน ความทรงจำของคุณย่า
ตอน คืนก่อนแต่งงานของโนบิตะ
ตอน โจรลึกลับโดราแปง + ตอนสั้น 3 ตอน
ตอน โดเรมี่ อาราระ กับเหล่าเยาวชนในอดีต
ตอน ปีศาจเจ้าปัญหา
ตอน ย้อนอดีตหาโมโมทาโร่
ตอน เหรียญทองในความฝันของโนบิตะ
ตอน 7 โดราเอมอนกับแมลงหุ่นยนต์